อยากมีแบรนด์กระเป๋าหนังแท้ ต้องรู้อะไรบ้าง ? (ตอนที่ 1 )

นอกเหนือจาก  แผนการตลาด    Consumer Segmentation    Advertising and Public Relation   Customer Relation

การสร้างองค์ประกอบสินค้า  อาทิ   ชื่อตราสินค้า โลโก้และสัญลักษณ์   สโลแกน   Jingles   และ  หีบหํอ  ฯลฯ   

 

หากแม้ คุณจะมีแผนการสร้างแบรนด์ จากข้างต้นพร้อมแล้ว  แต่หากคุณไม่รู้จัก และไม่เข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณเลย  แผนการสร้างแบรนด์ของคุณก็จะสูญเปล่า

000000

ผลิตภัณฑ์ กระเป๋าหนังแท้  และเครื่องหนัง เราต้องรู้ และเข้าใจอะไรบ้าง

วัตถุดิบ

ส่วนประกอบหลักของผลิตกระเป๋า 1  ใบ  นั้น มีอะไรบ้าง    หลัก ๆ คือ

• หนังแท้
• วัสดุเสริมทรง / ซับใน /  ตัดเย็บ
• วัสดุอะไหล่กระเป๋า ( hardware)

หนังแท้   ?

มีหลากหลายชนิดการฟอก ครับ    โดยในความหลากหลายอันนี้นี่เอง หากเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถแยกแยะแต่ละชนิดได้  รู้จักผิวสัมผัส และ Taxture ที่แตกต่างกัน อย่างลึกซึ้งพอเข้าใจแล้ว  ก็จะทราบถึงข้อจำกัด และการพิจารณาเลือกใช้กับผลิตภัณฑ์กระเป๋าของตนอย่างหมาะสม  นอกจากนี้  ยังทราบถึงวิธีการดูแลรักษาหนัง ที่แตกต่างกันอีกด้วย เพื่อพิจารณาในขั้นถัดไปกับความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

     ลักษณะของวัตถุดิบหนังแท้ และ หน่วยซื้อขายหนังแท้ เป็นอย่างไร ..  ? 

ในตลาดร้านขายปลีกหนังแท้ โดยส่วนใหญ่ จะมีหน่วยซื้อขายกันเป็น ตารางฟุต หรือ ตารางเซ็นติเมตร     โดยการขายยกแผ่น   1 แผ่น อาจจะเต็มตัว หรือครึ่งตัว  ซึ่งจะมีตัวเลขขนาดของหนังผืนนั้นด้านหลังของหนังมุมใดมุมหนึ่ง        แต่จะไม่มีการตัดแบ่งขายตามขนาดที่เราต้องการเหมือนการซื้อผ้า หรือหนังเทียมสังเคาะห์  ครับ

ลักษณะของหนังแท้ ที่ผ่านการฟอกแล้ว พร้อมจำหน่าย ขนาดเต็มตัว โดยเฉลี่ยจะมีขนาด 40 – 60 ตารางฟุต ซึ่งโดยปกติ หนังผืนเต็มตัวจะหาซื้อได้ไม่ง่ายนักตามร้านขายปลีก ส่วนใหญ่หากต้องการซื้อหนังเต็มผืน จะต้องซื้อตรงจากโรงงานเท่านั้น

ลักษณะของหนังผ่าครึ่งซีก มักจะหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าปลีก โดยเฉลี่ยจะมีขนาด 15-28 ตารางฟุต

คราวนี้  เรามา โฟกัสพิจารณาลักษณะทางกายภาพของหนังแท้ 1  ผืนหรือครึ่งผืน  กันนะครับ   ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ?      ใช่แล้ว !!!!   มันไม่สมมาตร ใช่หรือไม่ ?   มันมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง   ไม่มีลักษณะเป็นด้านเท่า เหมือนผ้า หรือ หนังเทียมสังเคาะห์เลย นั่นคืออุปสรรค์อย่างหนึ่งในการตัดแพทเทิรน์ ที่ต้องใช้ความชำนาญ เพื่อให้เกิดการใช้หนังที่คุ้มค่าที่สุด ในทุกสัดส่วน

นอกจากนี้ ในตำแหน่งต่าง ๆ ของหนังแท้  ลักษณะของ Taxture ในส่วนของ Bend , Belly และ Shoulder  ก็แตกต่างกันซะด้วย (  แต่ก็ไม่เสมอไปนะครับ ซึ่งความแตกต่างของ Taxture ในส่วนต่าง ๆ จะพบกับหนังฟอกบางชนิดเท่านั้น  )

ดังนั้น  ….  พอจะเข้าใจเหตุผลแล้วนะครับ ว่าทำไม  หนังแท้ จึงมีราคาสูงกว่าหนังเทียม  ซึ่งไม่ใช่มีเพียงเหตุผลจากความทนทานกว่า สวยงามกว่า เท่านั้น

เงื่อนไขเหล่านี้ ก็เป็นเหตุผลอีกข้อของราคาหนังแท้ที่สูงกว่า    สรุปคือ   แบ่งซื้อตามจำนวนที่ต้องการไม่ได้ ,  ขนาดที่ไม่สมมาตร , ลักษณะของ Taxture ที่แตกต่างกันตามตำแหน่งของหนังแท้ และยังมีเงื่อนไขอื่น ๆ อีกเช่น สีฟอกของหนังแต่ละ lot อาจจะมีความคลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย

ดังนั้น   ในการเลือกซื้อหนัง เพื่อการใช้งาน จะต้องทราบขนาดของกระเป๋าที่ต้องการทำอย่างชัดเจน  ขนาดดังกล่าวนี้ ไม่ใช่ขนาดความกว้างXยาวXลึก ของกระเป๋าสำเร็จรูปเท่านั้น   หากแต่ เป็นขนาดที่วัดจากส่วนประกอบต่างๆของกระเป๋า จากการตัดแพทเทิรน์แล้วเท่านั้น จึุงจะทราบว่า เราจะใช้หนังจำนวนเท่าใด จึงจะเพียงพอกับความต้องการ    เรื่องของชนิดการฟอกในแต่ละประเภทของหนัง ก็มีส่วนครับ  หนังฟอกบางชนิดมีรอยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่เรียกว่า Marking ซึ่งจะมีกระจายอยู่ทั่วผืน มากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งการคัดเหลือหนังเพื่อให้ตรงกับความต้องการ ควรต้องเลือกจากช่างที่ชำนาญ และรู้แพทเทิรน์ส่วนต่าง ๆ ของกระเป๋าแล้ว

มาสู่คำตอบ    ของ คำถามที่ว่า ?

กระเป๋าใบนี้ ค่าผลิต ราคาเท่าไหร่ ?  

(   บ้างก็ให้แบ่งออฟชั่น แยกอีกด้วยนะครับ ว่าเฉพาะค่าแรง เท่าไหร่   ( ประมาณว่าจะเอาหนังมาให้ )  และราคารวมหนังเท่าไหร่ ?      )

คำนวณไม่ถูกเลยครับ   เพราะไม่รู้ว่าจะเอาข้อมูลอะไรมาคำนวณ   ขนาดก็ไม่บอก ชนิดหนังฟอกไม่รู้    หลากสีแบบนี้ ต้องซื้อหนังกี่ผืนกี่สี      แล้วจะสั่งผลิตจำนวนเท่าไหร่     ภายในเป็นอย่างไร ซับด้วยอะไร ผ้า ? หนัง ?  ช่องภายในเป็นอย่างไร ….